วัตถุประสงค์ของบล็อกนี้

เพื่อประกอบการเรียนการสอนรายวิชาอินเตอร์เน็ตเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน และเป็นเเหล่งรวบรวมความรู้ต่างๆที่น่าสนใจ

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พาโธโลจิคอล แกมบลิ้ง แก้'จิตติดพนัน'

พาโธโลจิคอล แกมบลิ้ง แก้'จิตติดพนัน'
ขณะที่กระแสปราบปรามบ่อนกำลังมา แรง ทั้ง "บ่อนวิ่ง" "บ่อนเปลือยอก" "บ่อนแฟรนไชส์" ฯลฯ แต่มีการกล่าวถึงวิธีการปราบ "ตัวผู้เล่น" หรือนักพนันกันน้อยมาก ทั้งที่การแพทย์สมัยใหม่บ่งชี้ชัดว่า ผู้ติดการพนันเป็นโรคจิตประเภทหนึ่ง ผู้ป่วยต้องได้รับการบำบัดจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจิตเภท เนื่องจากมันส่งผลให้เสียคน เสียอนาคต ฆ่าตัวตาย ครอบครัวล้มละลาย และทำลายประเทศชาติไม่น้อยกว่าติดยาเสพติดหรือติดเหล้า



เมื่อปี 2550 มีรายงานวิจัยเรื่อง “ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม ของผู้เล่นการพนันจากบ่อนการพนันตามแนวชายแดน : กรณีศึกษาบ่อนการพนันที่ปอยเปต ต.โอโจวโรว จ.บันเตียเมียนเจย” โดยรวบรวมข้อมูลการสัมภาษณ์นักพนัน 400 คน ผลการศึกษาพบว่าสาเหตุที่ไปเล่นพนันเพราะอยากได้เงิน นักเล่นพนันส่วนใหญ่เสียเงินมากกว่าได้เงิน แม้จะยอมรับว่าการไปเล่นพนันแต่ละครั้งส่วนใหญ่เสียเงินไม่เกิน 2 แสนบาท และไม่มีภาระหนี้สิน ไม่ส่งผลกระทบต่อการงานและครอบครัว ไม่มีผลต่อปัญหาสุขภาพจิตและอาชญากรรม แต่ผู้นิยมเสี่ยงดวงในบ่อนยอมรับว่าในอนาคตอันใกล้มีแนวโน้มว่าปัญหาจะ รุนแรงมากขึ้น



ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกกำหนดให้พฤติกรรมติดการพนันเป็นความผิดปกติทางจิตชนิดหนึ่ง เรียกว่า “พาโธโลจิคอล แกมบลิ้ง” (Pathological Gambling) ผู้ป่วยจะหมกมุ่นคิดถึงแต่เรื่องการเล่นพนัน อยากกลับไปเล่นซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ต่างจากคนติดเหล้า ติดบุหรี่ หรือติดยาเสพติด ผู้ป่วยกลุ่มนี้รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขหลังจากได้เสี่ยงดวง ยิ่งไปกว่านั้นผู้ติดการพนันมักมีพฤติกรรมคล้ายคลึงกันคือ ยิ่งเสียยิ่งทุกข์ ยิ่งอยากลงเงินเล่นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ



ข้อมูลสถิติศูนย์วิจัยความสุขชุมชนมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จัดทำเมื่อปี 2553 ระบุว่า ผู้ติดพนันตั้งแต่เด็กหรือวัยรุ่นจะยิ่งส่งผลร้ายต่ออนาคต โดยร้อยละ 61 นำไปสู่การก่อคดีจี้ปล้นชิงทรัพย์ ร้อยละ 12 ล่อลวงเงินจากคนใกล้ชิด ร้อยละ 9 เริ่มทำร้ายร่างกายคนใกล้ชิด สุดท้ายคือการขายทรัพย์สินใช้หนี้พนัน หรือไปขายบริการทางเพศ ค้ายาเสพติด สุดท้ายคือนักพนันคนนั้นจะเริ่มเสียสติและพยายามฆ่าตัวตาย



ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยาชื่อดังจากโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) อธิบายถึงผู้มีปัญหาติดการพนันว่า หากพิจารณาพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้อย่างลึกซึ้งจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ กลุ่มที่มี "อาการทางสังคม" หรือมีปัญหาทางครอบครัวหรือค่าใช้จ่าย ทำให้ต้องพึ่งพาการพนันเป็นวิธีหาเงินหรือหวังรวยทางลัด และประเภท 2 คือกลุ่มเป็น "โรคติดการพนัน" พาโธโลจิคอล แกมบลิ้ง ซึ่งเป็นกลุ่มต้องเข้ารับการบำบัดรักษา โดยพฤติกรรมของผู้มีอาการของโรคติดพนันนั้น แม้ว่ามีเงินหรือร่ำรวยแล้วก็ตาม แต่ยังต้องการเล่นพนันเพราะอยากรู้สึกถึงความตื่นเต้น อยากเอาชนะ เวลาที่ได้เงินหรือชนะการพนันจะรู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่



นักจิตวิทยาข้างต้นยอมรับว่า คนไทยที่ยอมไปหาจิตแพทย์รักษาอาการทางจิตนั้น ส่วนใหญ่จะมีอาการทางร่างกายจนเกิดจากความทุกข์ทรมานจนทนไม่ไหว เช่น ปวดหัว นอนไม่หลับ ฯลฯ ส่วนผู้ที่ติดพนันกลับรู้สึกตรงข้ามเป็นความหลงผิดแบบไม่รู้ตัว คิดว่าตัวเองกำลังมีความสุข หรือตื่นเต้นสนุกสนาน พวกนี้ยอมเลิกเล่นพนันก็ต่อเมื่อหมดเงินหรือหมดตัว และติดหนี้พนันเยอะแยะจนไม่สามารถเล่นได้อีก กลยุทธ์สำหรับวิธีรักษาผู้เป็นโรคติดพนันนั้น ต้องหาสาเหตุเบื้องลึกให้เจอ เช่น ไปเล่นไพ่เพราะอยากตื่นเต้น หรืออยากเอาชนะ หรือมาจากปัญหาครอบครัว เช่น เลียนแบบพ่อติดพนัน หรือแม่ติดไพ่ เมื่อรู้สาเหตุแท้จริงแล้ว วิธีบำบัดคือหากิจกรรมชดเชยให้ทำแทน ไปเที่ยวต่างจังหวัด กิจกรรมร้องเพลง เต้นรำ ฯลฯ การรักษาต้องใช้เวลาต่อเนื่อง 1-3 เดือนขึ้นไป



"ประมาณร้อยละ 70 ของคนไทยที่นิยมเล่นการพนัน เป็นกลุ่มที่มีอาการทางสังคม อยากรวยเร็วๆ ส่วนอีกร้อยละ 30 เป็นกลุ่มที่มีอาการติดการพนันทุกชนิด ขอให้ได้เสี่ยงดวงจะชอบมาก หากใครอยากรู้ว่าเพื่อนฝูงหรือญาติเป็นกลุ่มที่เรียกว่าเป็นโรคติดการพนัน หรือไม่ ให้สังเกตจากจำนวนที่ออกไปเล่นไพ่ เข้าบ่อน ตู้เกม หรือเล่นการพนันชนิดต่างๆ หากเล่นอย่างน้อยอาทิตย์ละไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง เรียกว่ามีความผิดปกติเป็นโรคติดพนัน ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญบำบัดรักษา แต่คนไทยที่ติดพนันไม่ค่อยไปหาหมอรักษา เพราะไม่รู้ตัวเป็นโรคจิต คิดแต่ว่าเล่นแล้วสนุกมีความสุขดี ได้ตื่นเต้นเร้าใจ" ดร.วัลลภกล่าวทิ้งท้าย


ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก โดย ทีมโต๊ะรายงานพิเศษ และ http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/26630

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น